จอมเทพตัวร้ายแห่งตำนานก็คือผมคนนี้...(งั้นเหรอ!?) - นิยาย จอมเทพตัวร้ายแห่งตำนานก็คือผมคนนี้...(งั้นเหรอ!?) : Dek-D.com - Writer
×

    จอมเทพตัวร้ายแห่งตำนานก็คือผมคนนี้...(งั้นเหรอ!?)

    จู่ๆ ต้องมาทำหน้าที่กอบกู้(ชะตา)โลก กระโดดข้ามกาลเวลาป่วนประวัติศาสตร์เป็นว่าเล่น "เนตรตรัย" จะทำอย่างไรเมื่อเขารับรู้ว่าตนเองคือเทพเจ้าผู้ถูกยัดเยียดให้เป็นตัวร้ายตลอดศกเช่นเทพเอ้อร์หลางสามตาผู้นั้น?

    ผู้เข้าชมรวม

    334,703

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    257

    ผู้เข้าชมรวม


    334.7K

    ความคิดเห็น


    7.97K

    คนติดตาม


    4.64K
    หมวด :  แฟนตาซี
    จำนวนตอน :  134 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  26 พ.ค. 66 / 16:44 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     
    ชื่อเดิม

    (เทพอภินิหาร ตำนานอลเวง)

    เปลี่ยนเมื่อ 20/05/2023

              

    ห้วงเวลาอันซับซ้อน  ประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึก  ตำนานที่ถูกกล่าวขาน  ตัวอักษรที่ปรากฏ  คำกล่าวอ้างซึ่งล่วงพ้นผ่านกาลเวลาแต่ละยุคสมัย... 

    เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้อาจเปี่ยมไปด้วยความเป็นจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ  แต่ใครจะรู้บ้างว่า  ในความจริงเหล่านั้นอาจเจือปนด้วยคำเท็จ  ในคำเท็จอาจแฝงไปด้วยคำลวง  ในคำลวง ก็อาจจะมีความจริงแท้ยิ่งกว่าซุกซ่อนอยู่

    ร่วมเดินทางผ่านห้วงเวลา  พร้อมกับการตามหาบุคคลสำคัญที่สูญหาย ไปกับ พวกเขา...

           

    เอาจริงๆนะ ผมไม่เข้าใจเลยว่าผมมาทำอะไรที่ตรงนี้!?

    ผม...ไอ้ตรัย ของเพื่อน หรือนายเนตรตรัย พงษ์พิทักษ์คนนี้ เป็นแค่คนธรรมดา ที่ธรรมดามาก บ้านช่องห้องหอก็อยู่ที่สยามประเทศ หรือก็คือประเทศไทยนั่นล่ะ

      แล้วทำไมล่ะ..ทำไมแค่ผมคิดอยากเป็นผู้มีจิตเมตตา เก็บหมาน้อยข้างทางตัวหนึ่งกลับบ้านแค่นั้น ทำไมถึงได้มีเรื่องตามมาเป็นพรวนไม่หยุดหย่อน? 

    ตัวอย่างเช่น อยู่ก็มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ แต่งตัวเหมือนหลุดออกมายุคเทพนิยายจีนโบร่ำโบราณโผล่มาบอกว่าผมเป็นลุงของเขา เท่านั้นยังไม่พอ ผมยังเป็นลุงที่ถูกหลานอย่างเจ้านี่ฆ่าตายซะด้วย..

    เอ้อ..คิดว่าจะให้ผมตอบว่าไงดีล่ะ 'ขอบใจที่เล่าให้ฟังนะ เจ้าฆาตรกรงั้นเรอะ  

    ยัง..เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าหลานขี้ตู่นี่ยังบอกว่าจะต้องพาผมกลับไป...
      

    ไปไหนล่ะไปทำไมแล้วจะไปยังไง!?  

    ถึงผมจะบ้านิยายจีน ชอบศึกษาเทวตำนานของจีน หรือชอบดูหนังจีน แต่ก็ใช่ว่าผมจะต้องบ้าจี้ไปเชื่อเรื่องพรรค์นี้นี่ หรือต่อให้บอกว่าสิ่งที่ต้องรีบกลับไปจัดการคือภารกิจตามติดเทพเซียนเซิงเซียวทั้งสิบสอง(12 นักษัตร)ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเพื่อกอบกู้จักรวาล ซึ่งมีแค่ผม(หรืออีกนัยหนึ่งก็คือตัวผมในอดีตชาติ)เท่านั้นที่ทำได้...เป็นเหตุผลที่ผมฟังแล้วให้ความรู้สึกสุดแสนจะเวอร์เหลือคณานั่นก็เถอะ 

    แต่ผมไม่ใช่ฮีโร่กู้โลกนะ! ผมแค่คนธรรมดา ที่อยากมีชีวิตธรรมดา....


    ใช่..ผมมีชีวิตธรรมดา ที่ตอนนี้รู้สึกว่าจะมาโผล่ในที่ที่ไม่ธรรมดาเอามาก ซะแล้วล่ะ!

    เฮ่ยแค่เผลอบ่นกับตัวเองในใจแป๊บเดียว ทำไมผมถึงมาโผล่อยู่ในที่ประหลาด นี่ได้ 

    แล้วทำไมหมาน้อยตัวนั้นอยู่ ถึงได้กลายเป็นคนไปแล้ว!?

    ใครช่วยบอกผมที ว่ามันเกิดอะไรขึ้น 

    ไม่นะ! ไม่ๆๆๆ มันไม่จริงนี่ผมกำลังฝันไปใช่ม้ายยยย!!!

        
    --------------------------------------------------------
        

    Part 1 ล่าทะลุเวลา มัจฉาคืนวารีจะเป็นอย่างไรเมื่อเนตรตรัยต้องถูกตามตัวกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองในอดีตชาติ ซ้ำยังต้องย้อนเวลาไปในยุคซึ่งมีแต่การต่อสู้แย่งชิง แผ่นดินลุกเป็นไฟ เผชิญปิศาจที่เฝ้าคุกคาม พบพานกับหญิงงามผู้พลิกหน้าประวัติศาสตร์ นาม ไซซี

    Part 2 มหาราชทรราช : เนตรตรัยต้องหลุดเข้ามาในยุคที่บ้านเมืองแตกแยก เจ็ดแคว้นใหญ่ก่อสงครามห้ำหั่น มีเพียงหนึ่งที่จะรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่น หนึ่งนั้นเป็นผู้กอบกู้แต่หนึ่งเดียวกันยังเป็นผู้ทำลาย มหาราชหรือทรราชใครกันเป็นผู้ตัดสิน...ศัตรูหรือสหาย อดีตของเทพเอ้อร์หลางกำลังถาโถมหวนคืน เรื่องราวทั้งหลายจะแก้ไขสะสางได้อย่างไร?

    Part 3 เปิดตำนานเทพสามตา : สามพันปีก่อน ณ ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลที่ถูกความเชื่อเรื่องเทพเจ้า ภูตผีปิศาจเข้าครอบครอง ศึกสองแผ่นดินระหว่างโจวและซางปะทุขึ้นเพราะฝีมือนางปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง แปรเปลี่ยนสงครามของมนุษย์ให้เป็นสงครามเทพปิศาจ แล้วเนตรตรัยที่จับพลัดจับผลูต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับความบาดหมางเหล่านั้นจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไร?

    Part 4 วารีสีชาด : สายสัมพันธ์ทางสายเลือดคือสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่สุด หรือแท้จริงแล้วมันคือสายสัมพันธ์ที่นำมาซึ่งความวิปโยค ...อำนาจหรือสายสัมพันธ์ ชีวิตที่ยังมีลมหายใจหรือสายเลือดเดียวกันที่หมายปองชีวิต ทางใดคือทางที่ถูกต้องกันแน่ ไม่มีใครให้คำตอบได้ แม้แต่ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพเจ้าอย่างเขา... 

    Part 5 หนี้พันธนาการ มีเหตุย่อมมีผล มีบุญคุณย่อมมีความแค้น เมื่อสิ่งเหล่านี้เป็นเงาติดตามไปทุกภพทุกชาติ แล้วเนตรตรัยจะจัดการอย่างไรกับเงาแห่งอดีตที่ตามติดไม่ลดละ สหายร่วมตายกลายเป็นศัตรู ความสัมพันธ์ที่ยากจะประสานระหว่างเทพเอ้อร์หลางและหลานชาย การกลับมาพบกันอีกครั้งของอดีตคู่อริในอดีตชาติผู้ต้องสังเวยชีวิตภายใต้เงื้อมมือเทพเอ้อร์หลาง พยัคฆ์ขาวไป่หู่... การก้าวสู่ห้วงเวลาอันเป็นจุดเล็กๆ แห่งการเริ่มต้นเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของสามแคว้นแห่งแดนตะวันออกและได้พบอนาคตจอมคนอย่างเฉาเชา นี่เป็นเพียงความบังเอิญหรือยังมีความหมายใดซุกซ่อนอยู่กันแน่!?

    Part 6 วิหคคืนรังเรื่องราวของเทพเอ้อร์หลางและหลานชายหลิวเฉินเซียงกำลังจะไปได้สวย ความซวยยังมาเยือนนายตรัยไม่เลิกรา ทว่าเขาก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้กลับบ้าน เช่นเดียวกัน ณ ที่แห่งนี้ชาวฮั่นกำลังต่อสู้เพื่อทวงคืนดินแดนบ้านเกิดจากชนเผ่าบนหลังม้า เนตรตรัยกลับได้คืนสู่สถานที่ที่ฝังความลับความหลังแสนสำคัญระหว่างเทพเจ้าและหลานชาย อดีตย้อนหวนคืน อดีตที่อาจทลายได้ทั้งสามภพ!

    Part 7 (ภาคจบ ) สายใยไร้สิ้นสุด โชคชะตา...มีความหมายใดซุกซ่อนอยู่ในคำๆ นี้ เมื่อพบพานเหตุการณ์ต่างๆ พบเจอผู้คนมากมายผ่านเข้ามาในชีวิต จะรู้ตัวหรือไม่ว่านั่นล้วนก่อให้เกิดพันธนาการหนึ่งขึ้นมาที่เรียกกันว่าสายใยและความผูกพัน อาจเป็นรัก หรืออาจเป็นแค้น จะเลือกสิ่งใดมาผูกมัดตัวตนเอาไว้ เทพเอ้อร์หลางและอดีตสหาย จักรพรรดิสวรรค์และอดีตคนรัก หนึ่งแค้น หนึ่งรัก พวกเขาจะสามารถคลี่คลายปมของสายใยผูกมัดนี้อย่างไร.....

    *( ปัจจุบันแต่งจบแล้วจ้า เย้! ^^)*

    เปิดเรื่อง 11/01/14

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    "สนุกและน่าสนใจ"

    (แจ้งลบ)

    เนื้อเรื่องน่าสนใจ ถึงพล๊อตจะไม่ค่อยแปลกใหม่อะไรมาก ที่พระเอก กลับชาติมาเกิด หรือต้องเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อตามหาอะไรก็แล้วแต่ มีปมขัดแย้งทำให้เนื้อเรื่องน่าสนใจ แต่สิ่งที่ดึงดูดนักอ่านนั้นน่าจะเป็นสเน่ห์ของตัวละครนั้นๆ และตำนานต่างๆที่เกี่ยงข้องกับเนื้อเรื่อง ถือว่าผู้เขียนทำการบ้านมาดี ภาษาการบรรยายก็ดี อ่านแล้วลื่นไหล ทำให้เนื้อหาน่าอ่านแล ... อ่านเพิ่มเติม

    เนื้อเรื่องน่าสนใจ ถึงพล๊อตจะไม่ค่อยแปลกใหม่อะไรมาก ที่พระเอก กลับชาติมาเกิด หรือต้องเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อตามหาอะไรก็แล้วแต่ มีปมขัดแย้งทำให้เนื้อเรื่องน่าสนใจ แต่สิ่งที่ดึงดูดนักอ่านนั้นน่าจะเป็นสเน่ห์ของตัวละครนั้นๆ และตำนานต่างๆที่เกี่ยงข้องกับเนื้อเรื่อง ถือว่าผู้เขียนทำการบ้านมาดี ภาษาการบรรยายก็ดี อ่านแล้วลื่นไหล ทำให้เนื้อหาน่าอ่านและน่าติดตาม สรุปคือสนุกมาก 555 แต่งนิยายเนื้อเรื่องดีหรือไม่ พล๊อตซ้ำหรือปล่าว ไม่สำคัญ สำคัญที่เราจะมีความมานะแต่งให้จบได้ไหม วินัยในการเป็นนักเขียนที่ดี หัดเกลาฝีมือให้มาก ต้องก้าวหน้าแน่นอนจ้า   อ่านน้อยลง

    K | 12 เม.ย. 57

    • 35

    • 1

    "หยางเจียนน่ารักมากกกกกก"

    (แจ้งลบ)

    หยางเจียนน่ารัก ก็รู้ว่าเรื่องนี้มันไม่วาย แต่เราก็จิ้นแล้วฟินกันทุกตอนเลยทีเดียว แบบว่า...แบบว่า....กรี๊ดดดดด ฟินมากเลยค่ะ เห่าฟ้า อิ๋นหลงดูรักเจ้านายมาก นี่ัรักแบบเจ้านายลูกน้องหรือแบบไหน หูหลีจิงพึ่งจะมาแต่แบบ ฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวเฟ่อร์ๆ เฉินเซียงซึน จริงแล้วก็รักคุณลุงชะมะล่าาา เหลยเจิ้นจื่อ อารมณ์เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ กรี๊ดดดดดดด รู้สึกตามหยาง ... อ่านเพิ่มเติม

    หยางเจียนน่ารัก ก็รู้ว่าเรื่องนี้มันไม่วาย แต่เราก็จิ้นแล้วฟินกันทุกตอนเลยทีเดียว แบบว่า...แบบว่า....กรี๊ดดดดด ฟินมากเลยค่ะ เห่าฟ้า อิ๋นหลงดูรักเจ้านายมาก นี่ัรักแบบเจ้านายลูกน้องหรือแบบไหน หูหลีจิงพึ่งจะมาแต่แบบ ฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวเฟ่อร์ๆ เฉินเซียงซึน จริงแล้วก็รักคุณลุงชะมะล่าาา เหลยเจิ้นจื่อ อารมณ์เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ กรี๊ดดดดดดด รู้สึกตามหยางเจียนเลยว่า ตัวเองซื่อบื้อที่เชื่อท่านอาจารย์ แหม ก็เห็นว่า ทำท่าแบบมั่นใจมาก ข้าจะจัดการเอง แล้วแบบ ถถถ หยางเจียนน่าสงสาร โจวอู่หวัง นี่แบบ ศิษย์พี่ๆ มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งอ่าาาา แต่ที่อยากรู้อย่างนึงคือทำไมทุกคนที่เข้าใกล้หยางเจียนชอบจ้องหน้าแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปาก หลายๆคนอ่ะ ชอบทำอย่างนั้น ทำไมอ่ะ หรือว่า แอบปิ๊ง!! หยางเจียนใช่มั้ยล่าา แหม เกิดเป็นนายเนตรตรัยนี่ แบบว่า so hot จริงๆเลย ทั้งเพื่อนสนิทในโลกปัจจุบัน ทั้งในอดีต และอีกมากมาย โอยยย สาววายจะฟินตายแล้วค่าาาาา ไรต์เตอร์แต่งได้สุดยอดมากเลย แต่ละตอนนี่แบบ เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในนั้น แล้วเห็นเหตุการการณ์จริงเลยค่ะ แต่ฉากต่อสู้กับหวงเทียนหัว นี่แอบงงนิดนึง คืองงท่า จินตนาการไม่ค่อยออกเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็เป็นเรื่องที่สนุกและน่าติดตามมากด้วย ปล.จะติดตามต่อไปค่ะ ปล2.ฟินจริงค่ะ ปล3.ไรต์เก่งเกินไปแล้วค่ะ ปล4.อยากได้ฉากที่มีคนประคองหยางเจียนแต่ไม่ใช่พวกเห่าฟ้าจังเลยค่ะ แต่ถ้ามันรบกวนพล็อตก็ไม่ต้องหรอกค่ะ 555+(ไม่ใช่คนแต่งแล้วยังจะเรื่องมากอีกเรา ถถถ) ปล5.ถ้าความเห็นนี้ทำให้รีดเดอร์คนอื่นหรือไรต์เตอร์ไม่พอใจก็ขออภัยมานะที่นี้ด้วยครับ   อ่านน้อยลง

    blackdicentra | 9 ม.ค. 58

    • 21

    • 0

    ดูทั้งหมด

    คำนิยมล่าสุด

    "หยางเจียนน่ารักมากกกกกก"

    (แจ้งลบ)

    หยางเจียนน่ารัก ก็รู้ว่าเรื่องนี้มันไม่วาย แต่เราก็จิ้นแล้วฟินกันทุกตอนเลยทีเดียว แบบว่า...แบบว่า....กรี๊ดดดดด ฟินมากเลยค่ะ เห่าฟ้า อิ๋นหลงดูรักเจ้านายมาก นี่ัรักแบบเจ้านายลูกน้องหรือแบบไหน หูหลีจิงพึ่งจะมาแต่แบบ ฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวเฟ่อร์ๆ เฉินเซียงซึน จริงแล้วก็รักคุณลุงชะมะล่าาา เหลยเจิ้นจื่อ อารมณ์เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ กรี๊ดดดดดดด รู้สึกตามหยาง ... อ่านเพิ่มเติม

    หยางเจียนน่ารัก ก็รู้ว่าเรื่องนี้มันไม่วาย แต่เราก็จิ้นแล้วฟินกันทุกตอนเลยทีเดียว แบบว่า...แบบว่า....กรี๊ดดดดด ฟินมากเลยค่ะ เห่าฟ้า อิ๋นหลงดูรักเจ้านายมาก นี่ัรักแบบเจ้านายลูกน้องหรือแบบไหน หูหลีจิงพึ่งจะมาแต่แบบ ฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมวเฟ่อร์ๆ เฉินเซียงซึน จริงแล้วก็รักคุณลุงชะมะล่าาา เหลยเจิ้นจื่อ อารมณ์เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ กรี๊ดดดดดดด รู้สึกตามหยางเจียนเลยว่า ตัวเองซื่อบื้อที่เชื่อท่านอาจารย์ แหม ก็เห็นว่า ทำท่าแบบมั่นใจมาก ข้าจะจัดการเอง แล้วแบบ ถถถ หยางเจียนน่าสงสาร โจวอู่หวัง นี่แบบ ศิษย์พี่ๆ มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งอ่าาาา แต่ที่อยากรู้อย่างนึงคือทำไมทุกคนที่เข้าใกล้หยางเจียนชอบจ้องหน้าแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปาก หลายๆคนอ่ะ ชอบทำอย่างนั้น ทำไมอ่ะ หรือว่า แอบปิ๊ง!! หยางเจียนใช่มั้ยล่าา แหม เกิดเป็นนายเนตรตรัยนี่ แบบว่า so hot จริงๆเลย ทั้งเพื่อนสนิทในโลกปัจจุบัน ทั้งในอดีต และอีกมากมาย โอยยย สาววายจะฟินตายแล้วค่าาาาา ไรต์เตอร์แต่งได้สุดยอดมากเลย แต่ละตอนนี่แบบ เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในนั้น แล้วเห็นเหตุการการณ์จริงเลยค่ะ แต่ฉากต่อสู้กับหวงเทียนหัว นี่แอบงงนิดนึง คืองงท่า จินตนาการไม่ค่อยออกเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็เป็นเรื่องที่สนุกและน่าติดตามมากด้วย ปล.จะติดตามต่อไปค่ะ ปล2.ฟินจริงค่ะ ปล3.ไรต์เก่งเกินไปแล้วค่ะ ปล4.อยากได้ฉากที่มีคนประคองหยางเจียนแต่ไม่ใช่พวกเห่าฟ้าจังเลยค่ะ แต่ถ้ามันรบกวนพล็อตก็ไม่ต้องหรอกค่ะ 555+(ไม่ใช่คนแต่งแล้วยังจะเรื่องมากอีกเรา ถถถ) ปล5.ถ้าความเห็นนี้ทำให้รีดเดอร์คนอื่นหรือไรต์เตอร์ไม่พอใจก็ขออภัยมานะที่นี้ด้วยครับ   อ่านน้อยลง

    blackdicentra | 9 ม.ค. 58

    • 21

    • 0

    "Critic family รับวิจารณ์นิยาย"

    (แจ้งลบ)

    สวัสดีครับคุณถังเทียน (ขออนุญาตเรียกว่าคุณถังเทียนนะครับ) ก่อนอื่นต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่ส่งงานล่าช้าเนื่องจากคอมพิวเตอร์เครื่องประจำของผมเกิดเสียขึ้นมากลางคันตามที่แจ้งไว้ก่อนหน้าแล้ว และต้องขอขอบคุณที่เลือกให้กระผมนาย48มาวิจารณ์นิยายเรื่อง “เทพอภินิหาร ตำนานอลเวง” ด้วยครับ 1. ชื่อเรื่อง 9/10 : ชื่อเรื่อง ‘เทพอภินิหาร ตำ ... อ่านเพิ่มเติม

    สวัสดีครับคุณถังเทียน (ขออนุญาตเรียกว่าคุณถังเทียนนะครับ) ก่อนอื่นต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่ส่งงานล่าช้าเนื่องจากคอมพิวเตอร์เครื่องประจำของผมเกิดเสียขึ้นมากลางคันตามที่แจ้งไว้ก่อนหน้าแล้ว และต้องขอขอบคุณที่เลือกให้กระผมนาย48มาวิจารณ์นิยายเรื่อง “เทพอภินิหาร ตำนานอลเวง” ด้วยครับ 1. ชื่อเรื่อง 9/10 : ชื่อเรื่อง ‘เทพอภินิหาร ตำนานอลเวง’ ถือว่าดึงดูดผู้อ่านได้ดีครับ แต่กลับยังมีบางคำที่ยังดูไม่เข้ากับตัวเนื้อเรื่องที่ตัวธีมอิงกับตำนานจีนที่ค่อนข้างสมจริงอยู่สักหน่อย นั่นคือคำว่า ‘อลเวง’(ถึงแม้เนื้อเรื่องบางช่วงจะค่อนข้างอลเวงจริงๆ ก็เถอะครับ) ถ้าหลีกเลี่ยงไปใช้คำอื่นได้น่าจะทำให้ชื่อเรื่องดูเคร่งขรึมและสื่อถึงหลักใหญ่ใจความของเนื้อเรื่องได้มากกว่านี้ครับ 2. โครงเรื่อง 30/30 : คุณถังเทียนวางโครงเรื่องได้ดีเลยครับ กับการที่นายเนตรตรัยหรือร่างจุติของเทพเอ้อหลางเสินต้องไปตามหาสิบสองนักษัตรที่แยกย้ายกระจายกันไปต่างภพต่างเวลาเพื่อตามหาดวงจิตของเขา(หรือเทพเอ้อหลางเสิน)แต่สุดท้ายกลายเป็นกลับกันที่เป็นนายเนตรตรัยต้องมาวิ่งวนไปตามห้วงเวลาต่างๆ เพื่อตามหาสิบสองนักษัตรเสียเอง ซ้ำยังต้องไปเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์จีนในช่วงต่างๆ อีกด้วย ทำให้มีกลิ่นอายของนิยายจีนเรื่องหนึ่งที่ตัวผมชอบมากๆ ซึ่งนั่นก็คือ ‘เจาะเวลาหาจิ๋นซี’ ที่สำคัญยังมีการแนบศัพท์เฉพาะและเรื่องราวต่างๆ สำหรับผู้ที่ไม่สันทัดในประวัติศาสตร์จีนในแต่ละช่วงให้ทำความเข้าใจกันมากขึ้น ตรงนี้ผมขอให้เต็มไปเลยครับ 3. การบรรยายและการใช้ภาษา 24/30 : บางช่วงของการบรรยายยังไม่ค่อยลื่นไหลนะครับ(โดยเฉพาะช่วงแรกๆ) ผมหมายถึงการบรรยายท่าทางและในตอนที่บรรดาผู้ซึ่งเป็นเทพทั้งหลายสนทนากัน สาเหตุเพราะว่าการใช้คำพูดออกจะดูร่วมสมัยไปสักนิด ซึ่งดูไม่เข้ากับเทพเจ้าจีนซึ่งเป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้วว่าท่านพวกนี้อยู่มาตั้งแต่ยุคเก่าก่อนและใช้ศัพท์แสงที่ค่อนข้างจะจริงจังและออกแนวโบราณ ถ้าหากคุณถังเทียนเปลี่ยนคำบรรยายเพียงเล็กน้อยจะทำให้ผู้ที่เคยอ่านนวนิยายจีนแปลจนเคยชินและผู้อ่านที่ต้องการสัมผัสกลิ่นอายของนิยายอิงประวัติศาสตร์จีนเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้นครับ ลองยกตัวอย่างนะครับ... บทที่1 - ตอนที่เทพเอ้อหลางเสินกระอักเลือดคุณถังเทียนใช้คำว่า ‘กระอักเลือกออกมาอึกใหญ่’ ตรงนี้ควรเปลี่ยนเป็น ‘กระอักเลือดออกมาคำใหญ่’ - ตอนที่เฉินเซียงกล่าวกับเทพเอ้อหลางเสินว่า “ข้าจะช่วยมารดาของข้าออกมาจากที่คุมขังและเปลี่ยนแปลงกฎสวรรค์บ้าบอนั่นซะ” ตรงนี้เท่าที่ผมอ่านนิยายจีนมา ไม่เคยมีตัวละครจีนโบราณคนใดพูดคำว่า’บ้าบอ’เลยครับ ที่สำคัญคือด้วยนิสัยของเฉินเซียงซึ่งออกจะค่อนข้างมุทะลุและพูดจาขวานผ่าซากคำว่า บ้าบอ ดูออกจะอ่อนเกินไปสำหรับเขา ถ้าเปลี่ยนจากคำว่า ‘กฎสวรรค์บ้าบอ’ เป็น ‘กฎสวรรค์บัดซบ’ หรือ ‘กฎสวรรค์อันโสโครก’ น่าจะลื่นไหลกว่า บทที่2 - ตอนที่เฉินเซียงกล่าวชมเห่าฟ้าว่า “นับว่าความสามารถในการดมกลิ่นของเจ้าไม่เลวสมกับเป็นราชาสุนัขเทพจริงๆ นะเห่าฟ้า” ครับ..ตรงนี้จะดูไม่แปลกเลยถ้าเป็นคำพูดของคนธรรมดา แต่ทว่านี่เป็นคำพูดของเฉินเซียงที่มีสายเลือดของเทพ ถ้าคุณถังเทียนเปลี่ยนเป็น “นับว่าความสามารถในการดมกลิ่นของเจ้าไม่เลวสมกับเป็นราชาสุนัขเทพเสียจริงนะเห่าฟ้า” แค่นี้เฉิงเซียนของเราก็จะดูมีราศีของเทพจับมากยิ่งขึ้นครับ - ช่วงหนึ่งในตอนที่เห่าฟ้าโต้แย้งกับเฉินเซียงคุณถังเทียนบรรยายว่า 'ชายหนุ่มนามเฉินเซียงเชิดหน้าเอ่ยต่ออย่างท้าทาย' ช่วงนี้ถ้าเป็นการเอ่ยถึงเนตรตรัยหรือบุคคลในยุคปัจจุบันจะดูไม่ขัดตาครับ แต่นี่เป็นการเอ่ยถึงเฉินเซียง สมควรจะเปลี่ยนจากคำว่า ‘ชายหนุ่มนามว่าเฉินเซียง’ เป็น ‘บุรุษนามเฉินเซียง’ และไม่สมควรใช้คำว่าบุรุษหนุ่มด้วยครับ เนื่องจากเฉินเซียงถึงแม้ภายนอกอาจจะดูอายุไม่มาก แต่ความรู้สึกของผู้อ่านทราบดีว่าเฉินเซียงนั้นอยู่มาเป็นพันปีแล้วหากใช้คำว่า ‘หนุ่ม’ ออกจะดูไม่เหมาะกับเขาไปสักหน่อย - ตอนที่เฉินเซียงพูดถึงแม่ของเขา เฉินเซียงเป็นเทพยุคโบราณ ควรใช้คำว่า ‘มารดา’ มากกว่า ‘แม่’ ครับ คำแปลจากนิยายจีนโบราณเวลาที่พูดถึงบุพการีจะใช้คำว่า มารดาหรือบิดาครับ เช่น เวลาที่พวกเขาอุทานจะใช้คำจำพวก ‘มารดาของเรา’ หรือเวลาไล่ใครแบบเหยียดหยามก็จะกล่าวว่า ‘ไสหัวไปให้กับบิดา’ ทำนองนี้ครับ บทที่3 - ตอนที่เฉินเซียงกล่าวกับเนตรตรัย ใช้คำพูดว่า “ข้าไม่ชอบพูดอะไรนานๆ และซ้ำกันหลายครั้ง...” ตรงนี้เฉินเซียงกล่าวออกจะยืดยาวไปหน่อยครับ กลายเป็นว่าตัวเขาเองนั่นแหละที่พูดซ้ำ ถ้าเปลี่ยนเป็น “ข้าไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซาก...” น่าจะทำเหมาะกว่า นอกจากนี้ยังมีคำที่คุณถังเทียนใช้จนเคยชิน นั่นก็คือคำว่า ซัก เช่น ซักนิด ซักหน่อย สมควรใช้คำว่า สักนิด สักหน่อย น่าจะดูเหมาะกับตัวเนื้อเรื่องมากกว่าครับ ในส่วนการพูดถึงตัวเลข เช่น 5 นาที หรือ 12ชั่วยาม แนะนำควรจะใช้การพิมพ์เป็นตัวอักษรจะดีกว่าพิมพ์เป็นตัวเลขทื่อๆ เลย (เช่น ห้านาที สิบสองชั่วยาม) เพราะจะทำให้การอ่านลื่นไหลมากกว่าครับ การใช้ไม้ยมกครับ ในบางย่อหน้าของการบรรยายคุณถังเทียนมีการใช้ไม้ยมกเยอะมากอย่างน่าตกใจเลยทีเดียว ทำให้อ่านแล้วเกิดประโยคซ้ำซ้อนเกินไป ถ้าสามารถใช้คำอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ไม้ยมกจะทำการอ่านลื่นไหลได้ยิ่งขึ้นครับ ส่วนคำผิดดูเหมือนจะผ่านการแก้ไขมาบ้างแล้วแต่ก็ยังมีหลงเหลืออยู่นะครับ เท่าที่พบก็คือ กระพริบตา – กะพริบตา อาวาด – อาละวาด เลิกลา – เลิกรา แสกน – สแกน หยุดกลางครัน – หยุดกลางคัน ดานประตู – ดาลประตู ศรัตรู – ศัตรู สังเกตุ – สังเกต และอันสุดท้ายนี่ไม่ทราบว่าเป็นมุขของคุณถังเทียนหรือเปล่า คือในตอนแรกที่มินตราพูดกับเนตรตรัยถึงนิยายจีนที่เขาอ่าน มีชื่อเรื่องหนึ่งครับที่เขียนผิด ซึ่งนั่นก็คือ ‘ชอลิ้วเฮียงจอมโจรขโมยหัวใจ’ อันที่จริงเรื่องนี้ฉบับภาษาไทยรู้จักกันในนามว่า ‘ชอลิ้วเฮียงจอมโจรจอมใจ’ ครับ การบรรยายบทสนทนาโดยรวมของนิยาย เรื่อง“เทพอภินิหาร ตำนานอลเวง” มีการบรรยายสองรูปแบบนั่นก็คือ การบรรยายแบบบุคคลที่หนึ่งซึ่งส่วนมากจะเป็นการกล่าวถึงในมุมมองของเนตรตรัย และการบรรยายแบบบุคคลที่สามในลักษณะมุมกว้าง ซึ่งคุณถังเทียนสามารถตัดฉากการบรรยายทั้งสองแบบนี้ได้อย่างลงตัวและเหมาะสมกับการดำเนินเรื่องได้ดีไม่มีการทำให้ผู้อ่านขัดใจแม้แต่น้อย ทีนี้มาพูดถึงการบรรยายทั้งสองแบบบ้าง เริ่มจากการบรรยายในแบบบุคคลที่หนึ่งถือว่าทำได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ผมต้องขอยอมรับเลยว่าคุณถังเทียนบรรยายได้ดีมาก แนบเนียน ละเอียดและเข้าถึงอารมณ์ทุกซอกทุกมุมของตัวละครได้อย่างไร้ที่ติ แต่กลับกันครับในการบรรยายแบบมุมมองบุคคลที่สามคุณถังเทียนยังบรรยายได้ไม่ละเอียดนัก ยังมีส่วนที่ขาดหายไปบ้างนั่นก็คือกายวิภาคของตัวละคร การบรรยายแบบบุคคลที่สามควรจะมีท่าทางของตัวละครในระหว่างก่อนหรือหลังบทสนทนาด้วยครับ(ตรงนี้แล้วแต่ช่วงเหตุการณ์ว่าก่อนหรือหลังเพื่อความลื่นไหล) เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าถึงเหตุการณ์จริงและอรรถรถในการอ่าน เพราะถ้าลองเทียบจากความเป็นจริงแล้วการสนทนาระหว่างบุคคลจะไม่มีการพูดจาโต้ตอบกันเฉยๆ ครับ ส่วนมากจะท่าทางปลีกย่อย ยกตัวอย่างเช่น การยักไหล่ ส่ายศีรษะ ยกไม้ยกมือ จำพวกนี้ และอีกประการหนึ่งคือในช่วงการบรรยายแบบนี้ในกรณีที่มีผู้เข้าร่วมสนทนามากกว่าสามคนขึ้นไป ในบางช่วงไปคุณถังเทียนใส่บทสนทนาต่อเนื่องกันหลายประโยคจนบางครั้งผมแอบงงว่าใครกันแน่ที่พูดประโยคนี้จนถึงกับต้องย้อนไปอ่านใหม่ ทำให้ความต่อเนื่องในการอ่านลดลงไปพอสมควร และที่คุณถังเทียนยังไม่ได้แก้ไขอีกประการหนึ่งคือ การย่อหน้าตั้งแต่บทที่3ช่วงที่สอง ไปจนถึงบทที่ 8 ครับ (ถ้ามีเวลาแก้ไขก็ย้อนกลับไปแก้นะครับ เพื่อความสวยงามของนิยาย) การดำเนินเรื่องโดยรวมทั้งหมด การดำเนินเรื่องช่วงแรกค่อนข้างจะอืดอาดไปสักหน่อยนะครับ เพราะส่วนมากจะมีแต่การขัดคอกันระหว่างเนตรตรัยกับเฉินเซียง รวมไปถึงเฉินเซียงกับเห่าฟ้าและมังกรอิ๋นหลงมากเกินไปจนทำให้ตัวเรื่องเดินไปได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งกว่าที่จะเข้าถึงช่วงที่เริ่มสนุกและเข้าเรื่องจริงๆ นั่นก็คือบทที่ 7-8 เข้าไปแล้ว นั่นหมายความว่าผู้อ่านต้องอ่านถึงสิบถึงสิบสองตอนเลยทีเดียวนะครับ แต่จุดดีก็คืออย่างที่กล่าวไว้ในหัวข้อที่แล้ว ระหว่างการดำเนินเรื่องของคุณถังเทียนมีการสอดแทรกตัวละครในประวัติศาสตร์และเรื่องของเทพเจ้าจีนทำให้เนื้อเรื่องมีความน่าติดตามไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถรู้สึกถึงกลิ่นอายและดึงให้ผู้อ่านเข้าถึงของนิยายตามที่คุณถังเทียนต้องการได้เป็นอย่างดี เรื่องของฉากต่อสู้ครับ บทต่อสู้จริงจังนั้นเริ่มจากบทที่เจ็ดโดยรวมถือว่าลื่นไหลมาก สามารถเห็นภาพในฉากการต่อสู้ทั้งหมดได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวครับ แต่ก็ยังมีในส่วนที่ผมจะขอออกความเห็นเล็กน้อยนั่นก็คือ ระหว่างการต่อสู้ลักษณะต่างๆ มักจะเป็นการต่อสู้ในรูปแบบเสี่ยงชีวิตครับ(ซึ่งจากที่อ่านมาในนิยายเรื่องนี้ก็นับรวมอยู่ในจำพวกนี้ด้วย) นั่นหมายถึงทุกวินาทีหมายถึงความตาย การเสียสมาธิแม้แต่เพียงเสี้ยวเวลาเดียวอาจหมายถึงคนผู้นั้นต้องจบชีวิตลง แต่ในช่วงที่บรรยายในระหว่างที่เนตรตรัยต่อสู้กับฝูงวิญญาณสุนัขจิ้งจอกนั้นดูเหมือนเขาจะคิดเล็กคิดน้อยมากเกินกว่าจะห่วงชีวิตของตัวเองไปหน่อยครับ จริงอยู่ว่านั่นเป็นการใส่มุขตลกสอดแทรกของผู้เขียน แต่ทว่ากลับมากเกินไปนิดจนทำให้ความจริงจังในฉากต่อสู้ลดลงไปพอสมควร อันที่จริงในสถานการณ์ที่เนตรตรัยโดนขย้ำจนทรุดลงไปกองเกือบตายแบบนั้นน่าจะห่วงชีวิตตัวเองมากกว่าน้ำลายที่หยดลงมาหรือกลื่นปากนะครับ ถึงแม้มั่นใจว่าจะต้องมีใครมาช่วยก็ตาม แต่ ณ.ขณะนั้นเขาสมควรห่วงว่าทำอย่างไรจึงจะพาตัวเองรอดจากสถานการณ์แบบนั้นมากกว่า 4. ตัวละคร 19 /20 : ตัวละครหลักแต่ละตัวมีลักษณะที่โดดเด่นและมีเสน่ห์มากครับ โดยเฉพาะเนตรตรัยที่ถึงแม้ตนเองจะทราบว่าเป็นร่างจุติของเทพเอ้อหลางเสินแต่กลับไม่ลำพองตนและมีบุคลิกของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาตามเดิม มีทั้งความสับสนของความคิด การไม่มั่นใจในตัวเอง ในลักษณะของคนธรรมดาที่ควรจะเป็น มีการเติบโตไปตามเนื้อเรื่องไม่เก่งเวอร์จนเกินไปตั้งแต่แรกทำให้เนตรตรัยเป็นตัวละครที่สามารถดึงผู้อ่านให้เข้าหาได้ทีละน้อยโดยที่ไม่รู้ตัว เฉินเซียงที่ดูแม้จะมุทะลุดุดันและขวานผ่าซากไปสักหน่อย แต่ก็แอบมีมุมที่น่ารักที่แอบสอดแทรกเข้ามาทำให้ผู้อ่านแอบยิ้มได้ในบางช่วงของเนื้อเรื่อง ทำให้ตัวละครตัวนี้มีมิติที่น่าสนใจเลยทีเดียว ส่วนเห่าฟ้าและอิ๋นหลงนั้น เห่าฟ้าในช่วงแรกดูจะเป็นผู้ที่พึ่งพาได้มากที่สุดซ้ำยังจงรักภักดีต่อเนตรตรัย(หรือเทพเอ้อหลางเสิน) แบบสุดขั้ว แต่ที่ดูขัดตานิดหนึ่งกลับเป็นอิ๋นหลงครับ ภาพโดยรวมของเขาในช่วงแรกออกจะคล้ายเฉินเซียงมากเกินไปจนแทบจะมองภาพไม่ออกว่าทีแท้อิ๋นหลงกับเฉินเซียงมีนิสัยและความแตกต่างกันตรงไหนกันแน่ ซึ่งกว่าที่พอจะทราบว่าอิ๋นหลงนั้นน่าจะเป็นลักษณะของผู้ให้ข้อมูลไขความกระจ่างของเนื้อเรื่องบางส่วนนั้น(พูดง่ายๆ คือคลังข้อมูลของเนื้อเรื่อง)ก็ปาเข้าไปท้ายตอนที่10เข้าไปแล้ว 5. ความสวยงาม 10/10 : นาย48ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้ครับ หน้าแรกของนิยายจะเป็นอย่างไรขอแค่ว่าไม่รกมากจนเกินความจำเป็น(ซึ่งคุณถังเทียนก็ไม่ได้จัดรกมากนักตามสายตาของผม) ตัวหนังสือขนาดอ่านง่าย ธีมไม่จี๊ดจ๊าดจนทรมานสายตาผู้อ่าน แค่นั้นก็พอแล้วครับ เพราะฉะนั้นให้เต็มไปเลย คะแนนรวม : 92/100   อ่านน้อยลง

    Fourty-eight | 24 พ.ย. 57

    • 11

    • 0

    ดูทั้งหมด

    ความคิดเห็น